“พาณิชย์” จับรถบรรทุกลักลอบขนมันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าไทย

“พาณิชย์” ผนึกกำลังทหารจับกุมรถบรรทุกแอบขนหัวมันสำปะหลังสดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าไทย ตรวจสอบพบขนย้ายไม่ถูกต้องส่งตำรวจดำเนินคดีทันที เหตุหากปล่อยให้หลุดรอดไปจะกระทบต่อราคามันสำปะหลังของเกษตรกรในประเทศ เผยล่าสุดจับกุมได้แล้วรวม 53 ราย บางรายถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกแล้ว

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ร.6 พัน.3 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ได้ติดตามรถบรรทุกพ่วงจำนวน 15 คัน ซึ่งบรรทุกหัวมันสำปะหลังสดออกมาจากด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี และเมื่อถึง อ.พิบูลมังสาหารได้ทำการตรวจสอบการขออนุญาตขนย้ายหัวมันสำปะหลังสด โดยพบว่ามีการขนย้ายมันสำปะหลังไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาต จึงได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพิบูลมังสาหารเพื่อดำเนินคดีแล้ว

โดยสายตรวจเฉพาะกิจยังได้เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร พบรถบรรทุกพ่วงต้องสงสัยจำนวน 1 คัน จึงติดตามไปจนถึงเขต อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร และได้เข้าทำการตรวจสอบ พบว่ารถคันดังกล่าวขนย้ายหัวมันสำปะหลังสดโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเลิงนกทาเพื่อดำเนินคดีเช่นเดียวกัน

“การดำเนินการดังกล่าวเป็นการป้องกันมิให้มีการลักลอบนำเข้ามันสำปะหลัง ทั้งหัวมันสดและมันเส้นจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อช่วยดูราคามันสำปะหลังในประเทศไม่ให้ตกต่ำ และเกิดผลกระทบต่อเกษตรกร” นางนันทวัลย์กล่าว

นางนันทวัลย์กล่าวว่า ในปี 2559 กรมฯ ได้มีการตรวจสอบและจับกุมดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดขนย้ายมันสำปะหลัง ที่ฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่องการขนย้ายหัวมันสำปะหลังสดและมันเส้น โดยผลการจับกุมรวมครั้งนี้ด้วยมีจำนวนทั้งสิ้น 53 ราย และบางรายศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำคุกผู้กระทำความผิดแล้ว ซึ่งโทษตามกฎหมาย คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ กรมฯ ขอให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และใช้ความระมัดระวังในการขนย้ายมันสำปะหลังให้ตรงตามที่ได้รับอนุญาต ส่วนเกษตรกร หากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายหัวมันสำปะหลังสด รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการกระทำความผิดในการขนย้ายมันสำปะหลังโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้แจ้งมายังสายด่วน 1569 หรือแจ้งได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์