“ธีระ เอื้ออภิธร” ส่งออกมันไปจีนผลิตอาหารสัตว์รุ่ง

“ธีระ เอื้ออภิธร” ส่งออกมันไปจีนผลิตอาหารสัตว์รุ่ง

หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2562 ส่งผลให้ความต้องการมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการใช้เพื่อผลิตแอลกอฮอล์ ซึ่งมีความต้องการมากขึ้น สำหรับตลาดส่งออกมันสำปะหลังหลักของไทยยังเป็นตลาดจีน กว่า 90% และด้วยเหตุที่ผลผลิตในประเทศไทยยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้

จึงทำให้ราคามันสำปะหลังเป็นพืชที่มีราคาสูงเกินกว่าราคาประกัน จนรัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชยโครงการประกันรายได้ ส่วนแนวโน้มการส่งออกปี 2566 “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ นายธีระ เอื้ออภิธร นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตลาดส่งออกมันในจีน

ตลาดส่งออกหลักของมันเส้นไทยยังเป็นตลาดจีน เชื่อว่าการส่งออกปีนี้จะเท่าปีที่ผ่านมาที่ 6.5 ล้านตัน เทียบกับก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 ไทยส่งออกมันเส้นประมาณ 4 ล้านตัน เติบโตมากขึ้น ขณะที่แป้งมันก็คาดว่าจะมีปริมาณเทียบเท่าปีที่ผ่านมาที่ 4.9 ล้านตัน

“จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้จีนมีความต้องการมันสำปะหลังเพื่อนำไปผลิตแอลกอฮอล์ จึงมีการนำเข้ามากขึ้น ก็เป็นอานิสงส์ทำให้ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับปีที่แล้วทางเอกชนเราได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ได้เจรจาเปิดตลาดอาหารสัตว์ในจีน ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จทำให้ไทยส่งออกมันอัดเม็ดไปในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ได้ 1 ล้านตัน ปีก็น่าจะส่งออกได้ต่อเนื่อง”

แนวโน้มจีนยังมีความต้องการนำเข้ามันจากไทย ขณะนี้ราคาในส่วนแอลกอฮอล์ในจีนปัจจุบันเฉลี่ย 7,000 หยวนต่อตันจากก่อนโควิดเฉลี่ย 4,000 หยวนต่อตัน จากความต้องการมากขึ้นดันให้ราคาตลาดสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อความต้องการเพิ่ม ราคาดี ก็จะทำให้ราคามันสำปะหลังของไทยดีด้วยเช่นกัน ปีนี้ปัญหาราคามันจึงไม่น่าห่วง

รุกตลาดอาหารสัตว์

ที่สำคัญ เรายังได้เปิดเจรจาขยายตลาดส่งออกไปในตลาดอื่นเพิ่มเติม เช่น ฟิลิปปินส์ ซึ่งมีความสนใจที่จะนำเข้ามันสำปะหลังจากไทย แต่ด้วยติดปัญหาผลผลิตน้อยอาจจะไม่สามารถส่งออกได้เพียงพอ ทำให้ผู้ส่งออกต้องรอดูสถานการณ์ รวมไปถึงปัญหาค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าเร็ว ตอนนี้อยู่ที่ 33 บาทกว่าต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของไทย

“ตลาดซาอุฯก็เป็นตลาดใหม่ที่มีความสนใจที่จะนำเข้าโดยเฉพาะทำอาหารสัตว์ เพราะเลี้ยงอูฐเยอะและต้องการสารอาหารคาร์โบไฮเดรต ซึ่งสามารถหาได้จากมันสำปะหลัง ทั้งเรายังมีผลวิจัยรองรับว่ามันสำปะหลังเมื่อนำไปทำเป็นอาหารสัตว์มีประโยชน์ ลดการป่วยของสัตว์ สัตว์มีการเจริญเติบโต ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้ดี ที่ผ่านมาจึงทำให้ไทยเปิดตลาดอาหารสัตว์ได้”

ผลผลิตมันปี’66

สถานการณ์ผลผลิตมันสำปะหลังในปี 2565/2566 จากการติดตามคาดว่าผลผลิตจะลดลง จากที่เรามีการประเมินไปก่อนหน้านี้ประมาณ 34.9 ล้านตัน โดยจะลดลงจากนี้ 30-40% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาฝนตกเยอะ ทำให้เกษตรกรต้องขุดออกมาขาย เพราะหากไม่ขุด โอกาสที่มันจะเน่าก็สูง เชื้อแป้งก็จะต่ำด้วย ประกอบกับช่วงนี้ราคารับซื้อดี ยิ่งทำให้เกษตรกรยิ่งเร่งขุด

แต่มันสำหลังที่ขุดมาก่อนก็เป็นมันอ่อน อายุประมาณ 6 เดือน จากอายุมันที่ควรขุดออกมาขายควรจะมีอายุ 10-12 เดือน รวมไปถึงปีนี้ผลผลิตต่อไร่ก็ต่ำด้วยจากเดิม 3.4-4.0 ตันต่อไร่ แต่ตอนนี้อยู่ที่ 2 ตันต่อไร่

“ช่วงที่ผลผลิตมันสำปะหลังจะออกสู่ตลาดมาก ๆ ในทุกปี ระหว่างเดือนธันวาคม-มีนาคม คาดว่าปีนี้ผลผลิตจะลดลง เห็นได้จากตอนนี้หน้าโรงงานจะมีมันเข้ามาประมาณ 20,000 ตันต่อวัน จากปกติแล้วช่วงที่มันออกสู่ตลาดมาก ๆ จะมีมันเข้าโรงงานประมาณ 40,000-50,000 ตันต่อวัน สำหรับหัวมันสด”

ส่วนความต้องการใช้มันสำปะหลังในตลาดต่อปีอยู่ที่ 47 ล้านตัน ซึ่งประเทศไทยผลิตไม่เพียงพอก็ต้องนำเข้าจากเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว และกัมพูชา ซึ่งทั้งสองประเทศนี้จะให้ผลผลิตออกช่วงเดียวกับของประเทศไทย จึงมีการนำเข้าผ่านชายแดน ส่วนใหญ่ผ่านจังหวัดอุบลฯ สุรินทร์ และศรีสะเกษ แต่นำเข้าได้ไม่กี่ด่านเพื่อการตรวจสอบคุณภาพของมันที่นำเข้าด้วย

ราคามันทะลุ 3 บาท/กก.

ราคามันสำปะหลังในปีนี้ ยังเป็นราคาที่สดใสสำหรับเกษตรกร โดยราคารับซื้อปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 3 บาทกว่าต่อกิโลกรัม ในเชื้อแป้งอยู่ที่ 25-30% หากเกษตรกรนำมันอ่อนมาขาย ราคาก็จะตกเพราะเชื้อแป้งไม่ได้ ซึ่งเชื้อแป้งจะอยู่ที่ 18-20% ส่วนต้นทุนการเพาะปลูกของเกษตรกรตอนนี้เฉลี่ยที่ 2.30-2.50 บาทต่อกิโลกรัม จากค่าแรง ค่าน้ำมัน ปุ๋ยแพงขึ้น แต่ด้วยความต้องการเพิ่มขึ้นจากปัญหาการแพร่ระบาดของงบฯโควิด-19 ทำให้ราคามันดี เกษตรกรจึงขายได้ราคา

“โครงการประกันรายได้มันสำปะหลังที่ 2.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ราคารับซื้อดี ปีที่ผ่านมาเกินกว่าประกัน รัฐบาลไม่ได้จ่ายเงินส่วนต่างในโครงการแต่อย่างใด และเชื่อว่าราคามันปีนี้ก็ยังมีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน คาดว่าจะสดใสตลอดทั้งปี เทียบกับราคาข้าวโพดอยู่ที่ 12 บาทต่อกิโลกรัม”

วอนรัฐช่วยเหลือ

ด้านการตลาดและราคามันสำปะหลังปีนี้ เป็นปีที่สดใสและมีแนวโน้มดี ดังนั้นต้องการให้รัฐเข้ามาส่งเสริมสนับสนุนการสำรวจโรคใบด่าง เพราะมองว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข ปัจจุบันมีการสำรวจว่ามีกระจายในหลายพื้นที่ และหวั่นว่าหน้าร้อนปีนี้จะกลับมาแพร่กระจายอีกครั้ง รณรงค์การปลูกมันสะอาด ไม่เอามันที่ติดโรคมาปลูก แจกท่อนพันธุ์ ส่งเสริมงานวิจัย เพิ่มผลผลิตต่อไร่ รวมไปถึงด้านการตลาด หาตลาดใหม่ ๆ

พร้อมกันนี้ก็ติดตามและเข้มงวดในการลักลอบนำเข้ามันจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะนำเข้ามาในรูปแบบกองทัพมด ก็ต้องเข้มงวดมากขึ้น ดูแลมันที่ได้คุณภาพทั้งในประเทศ และมันที่นำเข้า ปัจจุบันหน่วยงานที่ดูแลก็ติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นผลดีต่อการส่งออกมันไทย

“เชื่อว่าปีนี้เกษตรกรขายมันได้ราคาตลอดทั้งปี การส่งออกขยายตัวจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น แต่เพื่อที่จะให้การส่งออกดี ทุกฝ่ายต้องควบคุมดูแลคุณภาพ เพื่อการส่งออกที่เติบโต”

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศลุยเอง ลงพื้นที่จับผู้นำเข้ามันเส้นไม่ได้มาตรฐานคาด่าน

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศลุยเอง ลงพื้นที่จับผู้นำเข้ามันเส้นไม่ได้มาตรฐานคาด่าน

“รณรงค์” อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ลงพื้นที่ตรวจสอบการนำเข้ามันเส้นด่านชายแดน จับได้คาหนังคาเขา 2 ราย รวมจับได้ล่าสุด 6 ราย สั่งแบนห้ามนำเข้าทันที รวมทั้งหมดจับได้แล้ว 9 ราย ย้ำจะเดินหน้าตรวจสอบต่อเนื่อง ไม่ให้ใครทำลายชื่อเสียงมันสำปะหลังของไทย

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 – 11 ม.ค.2566 ได้เดินทางไปที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน จ.สระแก้ว และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นด่านนำเข้ามันเส้นที่สำคัญของไทย หลังจากได้รับรายงานว่าจะมีการนำเข้ามันเส้นไม่ได้มาตรฐานในช่วงนี้ จึงได้ไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สายตรวจของกรมฯ ที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ และได้กำชับให้ตรวจการนำเข้ามันเส้นอย่างเข้มงวด ซึ่งขณะที่ลงพื้นที่ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ได้ตรวจพบผู้นำเข้ามันเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน 2 ราย และในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่สายตรวจของกรมฯ ได้ตรวจพบอีก 1 ราย ที่ด่านศุลกากรช่องจอม จ.สุรินทร์ ส่วนก่อนหน้าที่ตนจะลงพื้นที่เพียงหนึ่งวัน เจ้าหน้าที่สายตรวจ ก็เพิ่งตรวจพบผู้นำเข้ามันเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน 3 ราย รวมเป็น 6 ราย ที่ตรวจพบตั้งแต่หลังปีใหม่เป็นต้นมา จึงได้สั่งแบนผู้นำเข้าดังกล่าวทันที

โดยก่อนหน้านี้ กรมฯ ได้สั่งแบนผู้นำเข้ามันเส้นไป 3 ราย เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว โดยผู้นำเข้ามันเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน จะถูกลงโทษด้วยการพักทะเบียนจนกว่าจะนำมันเส้นที่ถูกตรวจพบว่าไม่ได้มาตรฐานไปปรับปรุงจนได้มาตรฐานตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จึงจะสามารถกลับมานำเข้าได้

“การตรวจมาตรฐานมันเส้นนำเข้าในปี 2566 จะมีความเข้มข้นตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ให้กรมฯ ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับมาตรฐานมันเส้นนำเข้าและส่งออก จับมือกับกรมการค้าภายใน ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุมการขนย้ายมันเส้นจากต้นทางถึงปลายทาง เพื่อคุมเข้มมันเส้นที่นำเข้าตามแนวชายแดน ซึ่งได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังเมื่อช่วงปลายปี 2565 โดยผลที่ออกมาถือว่าเป็นประโยชน์มาก การประสานงานและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างทั้งสองกรมฯ ทำให้เจ้าหน้าที่ ๆ ลงพื้นที่ มีข้อมูลเชิงลึก ส่งผลให้ปฏิบัติงานได้ตรงเป้ามากขึ้น แม้ภารกิจของทั้งสองกรมฯ จะแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ ต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎกติกาที่วางไว้ เพื่อให้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งสุดท้ายแล้วประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและผู้ส่งออกของไทย”นายรณรงค์กล่าว

นายรณรงค์กล่าวว่า การคุมเข้มมาตรฐานมันเส้นนำเข้าจะดำเนินการควบคู่ไปกับการคุมเข้มมาตรฐานมันเส้นส่งออก ซึ่งจะเป็นไปอย่างเข้มข้นตลอดฤดูเก็บเกี่ยว คือ ตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 ถึงต้นเดือนเม.ย.2566 และขอยืนยันว่ากรมฯ จะไม่ยอมให้ผู้ประกอบการไม่กี่ราย กระทำเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศไทย ในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกมันเส้นที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลก ในเรื่องของมาตรฐานสินค้าอย่างเด็ดขาด จึงขอเตือนผู้ประกอบการทั้งนำเข้าและส่งออกให้ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ หากยังพบผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง กรมฯ จะต้องมีการพิจารณายกระดับมาตรการลงโทษให้หนักขึ้น เพื่อระงับยับยั้งการกระทำความผิดที่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพมาตรฐานมันเส้นของไทย

ที่มา : Commerce News Agency

โคราชเมืองหลวงมันสำปะหลัง รับอานิสงส์จีนผ่อนคลายโควิดราคาพุ่ง กก. 3 บาท บางรายเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเจออุทกภัย โรคระบาด ผลผลิตลด 20-30 %

โคราชเมืองหลวงมันสำปะหลัง รับอานิสงส์จีนผ่อนคลายโควิดราคาพุ่ง กก. 3 บาท บางรายเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเจออุทกภัย โรคระบาด ผลผลิตลด 20-30 %

วันที่ 11 มกราคม นายธีระ เอื้ออภิธร นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยการปลูกมันสำปะหลังใน จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเมืองหลวงมันสำปะหลัง โดยมีพื้นที่ปลูก 1.6 ล้านไร่ ผลผลิต 6 ล้านตันต่อปี ภาพรวมการส่งออกฤดูกาลผลิตปีที่ผ่านมาค่อนข้างดี สถานะขณะนี้กิโลกรัมละ 3 บาท สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวหัวมันอ่อนที่มีอายุ 6-8 เดือนหรือต่ำกว่า 10 เดือน มาขายก่อน เกรงราคาจะกลับมาตกต่ำอีก ทำให้คุณภาพเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกณฑ์มาตรฐานส่งผลให้ขายไม่ได้ราคา รวมทั้งต้นกล้าท่อนพันธุ์ที่เกิดจากหัวมันยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่มีความอ่อนแอไม่แข็งแรงผลผลิตลดลงประกอบกับโรงงานแป้งขับเคลื่อนการผลิตเพียง 50 %

ทั้งนี้ผลผลิตเข้าสู่ตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากผลกระทบจากฝนตกต่อเนื่อง หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมทำให้หัวมันเน่าตาย ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูก 1.2 ล้านไร่ เสียหายสิ้นเชิงกว่า 9 แสนไร่ ซึ่งพื้นที่ขังน้ำทำให้ได้ผลผลิตต่ำจำนวนมาก รวมทั้งโรคระบาดและแมลงศัตรูพืชโดยเฉพาะโรคพุ่มแจ้และโรคไวรัสใบด่าง ส่งผลให้ผลผลิตของเกษตรกรลดลงถึงร้อยละ 20-30 หากไม่ดำเนินการป้องกันแก้ไข ผลกระทบอาจรุนแรงขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

สถานการณ์ปัจจุบันปริมาณมันสำปะหลังไม่เพียงพอต่อความต้องการส่วนหนึ่งมีปัจจัยมาจากประเทศจีนต้องการแอลกอฮอล์ทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้รับมือกับการระบาดของโควิด จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ในขณะที่เกษตรกรไทยยังมีผลผลิตต่อไร่ที่ต่ำ ขอให้รัฐบาลส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรผู้ปลูกอย่างยั่งยืน โดยสร้างการรับรู้ทำความเข้าใจความต้องการของตลาด พัฒนาผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้นอันจะส่งผลให้ต้นทุนต่ำลง พัฒนาใช้เครื่องจักรในการเพาะปลูก ดูแลและเก็บเกี่ยว ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งในการพยุงราคาหัวมันไม่ให้ตกต่ำเกินความเป็นจริงและควรกำหนดมาตรการเสริมเพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาให้เกิดความเหมาะสมทั้งระบบเพื่อให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจ

ที่มา : สยามรัฐออนไลน์

ผู้ปลูกมันสำปะหลังเฮ หลังจีนผ่อนคลายโควิด ราคาดีดตัวรับความต้องการ

ผู้ปลูกมันสำปะหลังเฮ หลังจีนผ่อนคลายโควิด ราคาดีดตัวรับความต้องการ

กรมการค้าต่างประเทศ เผยราคาแอลกอฮอล์จากมันสำปะหลังในจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 7,250 หยวนต่อตัน ผลจีนผ่อนคลายโควิด ทำให้ความต้องการเพิ่ม กรมจะควบคุมมาตรฐาน เพื่อให้ตลาดต่างประเทศมั่นใจได้ว่าไทยพร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคุณภาพสูงต่อไป

วันที่ 6 มกราคม 2566 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าสถานการณ์ราคาแอลกอฮอล์จากมันสำปะหลังในตลาดจีน มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 6,700 หยวน/ตัน เป็นเฉลี่ยอยู่ที่ 7,250 หยวน/ตันในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าจีนมีความต้องการแอลกอฮอล์ทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้รับมือกับการระบาดของโรคไวรัส COVID-19 ซึ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วหลังการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ของจีนตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้เป็นโอกาสทองของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ กรมฯ จึงขอให้ผู้ประกอบการเร่งรวบรวมผลผลิตมันสำปะหลังที่มีคุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อว่าไทยสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของคณะสำรวจภาวะการผลิตและการค้ามันสำปะหลังของภาคเอกชน 4 สมาคมได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังอาจมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด เนื่องจากปัจจุบันผลผลิตบางส่วนเสียหายจากภัยธรรมชาติและโรคศัตรูพืช รวมทั้งเกษตรกรบางส่วนได้หันไปปลูกข้าวโพดทดแทนมันสำปะหลังที่เสียหายจากน้ำท่วม

ดังนั้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดจีนและรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยอย่างต่อเนื่อง กรมฯ ต้องการให้เกษตรกรขุดมันสำปะหลังที่มีอายุ 8-12 เดือน เพื่อรักษาคุณภาพผลผลิตให้มีน้ำหนักและเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่สูงเพื่อนำมาจำหน่ายในราคาที่ดี ตลอดจนท่อนพันธุ์ที่ได้จะมีคุณภาพดีสำหรับปีการผลิตถัดไป รวมถึงในส่วนของประเทศผู้ซื้อก็จะได้รับประโยชน์ โดยสามารถรับซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคุณภาพดีในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก (มกราคม-เมษายน 2566)

นอกจากนี้ กรมจะเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานการนำเข้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงโดยมีความชื้นและสิ่งเจือปนต่ำซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดในขณะนี้ ลดโอกาสที่ประเทศผู้ซื้อจะใช้ประเด็นเรื่องคุณภาพมาตรฐานเป็นข้ออ้างในการกดราคารับซื้อ ซึ่งท้ายสุดจะช่วยให้ปีการผลิต 2565/66 ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังต่อไป

ในช่วงมกราคม-พฤศจิกายน 2565 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรวม 10.10 ล้านตัน มูลค่า 4,027.42 ล้านเหรียญสหรัฐ ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.95 และ 14.15 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกปริมาณรวม 9.273 ล้านตัน มูลค่า 3,528.23 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

“พาณิชย์” เชือดจริงเอกชน 2 รายนำเข้ามันเส้นไม่ได้มาตรฐาน

“พาณิชย์” เชือดจริงเอกชน 2 รายนำเข้ามันเส้นไม่ได้มาตรฐาน

“พาณิชย์” เชือดจริงเอกชน 2 รายนำเข้ามันเส้นไม่ได้มาตรฐาน สั่งแบนห้ามนำเข้า เตรียมจับมือกับ “ค้าภายใน” ยกระดับตรวจสอบมันเส้นนำเข้า

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในระยะ 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดซื้อขายมันเส้นตามแนวชายแดนกลับมาคึกคัก เนื่องจากผลผลิตมันสำปะหลังของประเทศเพื่อนบ้านเริ่มทยอยออกสู่ตลาดกรมฯได้สั่งการให้เพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่คุมเข้มตรวจสอบมาตรฐานมันเส้นนำเข้า ตามแนวชายแดนที่เป็นจุดนำเข้ามันเส้นจากประเทศเพื่อนบ้าน

โดยผลจากการลงพื้นที่ล่าสุดพบผู้ประกอบการ 2 ราย นำเข้ามันเส้นไม่ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จึงลงโทษโดยการพักทะเบียนจนกว่าจะนำมันเส้นที่ถูกตรวจพบว่าไม่ได้มาตรฐานไปปรับปรุงจนได้มาตรฐานตามที่กำหนดจึงจะกลับมานำเข้าได้

นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งกำกับดูแลมาตรฐานมันเส้นนำเข้า ได้เตรียมผนึกกำลังกับกรมการค้าภายใน (คน.) ซึ่งกำกับดูแลการขนย้ายมันเส้น เช่น เส้นทางการวิ่งของรถบรรทุกมันเส้นจากต้นทางถึงปลายทาง และน้ำหนักบรรทุก เป็นต้น เพื่อยกระดับการตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่สายตรวจในพื้นที่จะประสานและแชร์ข้อมูลกัน เมื่อเจ้าหน้าที่มีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นก็จะสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้กรมฯได้ร่วมมือกับกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) และ กรมการค้าภายใน (คน.) จะดำเนินการอย่างเข้มข้นและจริงจังภายใต้นโยบายที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญในการเข้มงวดคุณภาพมาตรฐานทั้งมันเส้นนำเข้าและส่งออก ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงที่ฤดูกาลหัวมันสำปะหลังทั้งของไทยและประเทศเพื่อนบ้านออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยหัวมันสดส่วนหนึ่งจะเข้าสู่อุตสาหกรรมเพื่อผลิตเป็นแป้งมันสำปะหลัง

และอีกส่วนหนึ่งจะเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ได้แก่ มันเส้น มันชิ้น และมันอัดเม็ด โดยที่สินค้าแป้งมันสำปะหลังดิบ และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นสินค้ามาตรฐาน ซึ่งตามกฎหมายมาตรฐานสินค้า กำหนดให้การส่งออกทุกล็อตจะต้องได้รับใบรับรองมาตรฐานสินค้าเพื่อใช้ประกอบพิธีการศุลกากร

เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานสินค้ามันสำปะหลังจากประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ฉะนั้น จึงขอเตือนผู้ประกอบการทั้งนำเข้าและส่งออกให้เคร่งครัดการรับซื้อมันเส้นเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด หากพบผู้กระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

TAPIOCA NIGHT 2022

TAPIOCA NIGHT 2022

สมาคมฯ ได้จัดงาน “TAPIOCA NIGHT“ ในธีม White & Blue” ในวันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2565 ณ ห้องประชุมสมาคมฯ เพื่อพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ และเชื่อมความสัมพันธ์เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2565

“กีรติ” สั่งเข้มคุมคุณภาพมันสำปะหลังพบทำผิดดำเนินการขั้นเด็ดขาด

“กีรติ” สั่งเข้มคุมคุณภาพมันสำปะหลังพบทำผิดดำเนินการขั้นเด็ดขาด

“พาณิชย์”ตรวจเข้มผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก มันด้อยคุณภาพ ปลอมปนหวั่นกระทบราคามันเส้น หัวมัน ขู่ เจอเป็นจับหากไม่ตรงตามกฎระเบียบด้านคุณภาพมาตรฐานการขนย้าย

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังติดตามสถานการณ์การรับซื้อมันสำปะหลัง ร่วมกับกรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ พร้อมด้วยสมาคมการค้ามันสำปะหลังจาก 4 สมาคม และสมาชิกอีกประมาณ 60 ราย โดยจากสถานการณ์ราคามันสำปะหลังในประเทศอ่อนตัวลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์โลกซึ่งปีที่ผ่านมาไทยส่งออกมากถึง 10 ล้านตัน และในช่วงม.ค. – ก.ย. 65 นี้

ไทยยังคงส่งออกได้มากถึง 8.73 ล้านตัน ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้รวม 11 ล้านตันมากกว่าปีที่แล้ว ประกอบกับข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยในช่วงที่ผ่านมาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังเสียหายกว่า 1 ล้านไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่กว่า 15% ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งประเทศ ซึ่งทำให้โอกาสที่ราคามันสำปะหลังในฤดูกาลผลิตนี้จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อไป

“สถานการณ์ที่ราคารับซื้อลดลงในขณะนี้สร้างความไม่สบายใจเป็นอย่างมากเพราะจะเกิดผลกระทบต่อเนื่องไปถึงเกษตรกร จึงขอให้ผู้ประกอบการรับซื้อผลผลิตในราคาที่เป็นธรรม ไม่กดราคา ซึ่งได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศเข้มงวดตรวจสอบให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายของทั้ง 2 กรมฯ อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพมาตรฐานนำเข้า-ส่งออก หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ให้รายงานเข้ามาได้ทันที และจะจัดการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด”

ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน พร้อมรับนโยบายและขอความร่วมมือไปยังเกษตรกรและผู้ประกอบการ กรมฯ ได้ขอความร่วมมือสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ประชาสัมพันธ์เกษตรกรให้เก็บเกี่ยวมันสำปะหลังที่มีคุณภาพ ตัดเหงาเอาดินออกก่อนนำไปจำหน่ายเพื่อไม่ให้ผู้รับซื้อหักสิ่งเจือปนจนเกิดความไม่เป็นธรรม

รวมทั้งสั่งการให้สายตรวจกรมการค้าภายในสนธิกำลังร่วมกับตำรวจทางหลวงและหน่วยงานในพื้นที่เข้มงวดตรวจสอบการขออนุญาตขนย้ายให้เป็นไปตามประกาศ กกร. หากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้เพิ่มเจ้าหน้าที่ตรวจสอบมาตรฐานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เข้มงวดกำกับดูแลการส่งออกต้องเป็นไปตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัดเท่านั้น เพื่อไม่ให้ประเทศผู้ซื้อใช้เป็นข้ออ้างในการกดราคารับซื้อผลิตภัณฑ์มันสำะหลังไทย รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องอื่นด้วยแล้ว”

อย่าไรก็ตาม หากดำเนินมาตรการดังกล่าวแล้วสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นหรือยังพบว่าการรับซื้อในประเทศยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป ก็พร้อมจะเพิ่มความเข้มข้นในการใช้มาตรการอื่นมากำกับดูแล ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ประกอบการไม่ได้รับความสะดวกในการซื้อขายได้ ทั้งนี้หากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 รวมทั้งพบเห็นการนำเข้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ไม่ถูกต้องสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

“จุรินทร์” ติดตามประกันรายได้ “โคราช” ดึงปินส์เซ็นซื้อมันฯ 2 ล้านตันดันราคา

“จุรินทร์” ติดตามประกันรายได้ “โคราช” ดึงปินส์เซ็นซื้อมันฯ 2 ล้านตันดันราคา

“จุรินทร์” ลุยโคราช ติดตามประกันรายได้ปี 3 เข้าปี 4 ดึงฟิลิปปินส์ทำเกษตรพันธสัญญา” ซื้อมันสำปะหลังไทย 2 ล้านตัน ดันราคามันพุ่ง ขณะส่งออกมันฯคาดปีนี้มากกว่า 1.2 แสนล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงาน (6 พ.ย. 2565) ณ วิทยาลัยเทคนิคปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานและเป็นสักขีพยานพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เจรจาซื้อขายผลิตภัณฑ์มันสําปะหลังระหว่างสมาคมมันสําปะหลังไทย 3 สมาคม และสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ของฟิลิปปินส์ (PAFMI)

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นโอกาสดีได้พบกับพี่น้องเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดซึ่งวันนี้มีหลายกิจกรรม เช่น การมอบป้ายและโฉนดของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ไม่ให้ถูกยึดที่ดินทำกินให้มาเป็นหนี้กับกองทุนฟื้นฟูแทน ซึ่งตนได้เข้ามาดูแลโดยประสานการปรับลดดอกเบี้ยเหลือ 0% และมีงบในการฟื้นฟูเพื่อให้ทำอาชีพรวมกลุ่มเกษตรกร และกลุ่มสหกรณ์ ล่าสุดได้ขออนุมัติเงินงบกลาง 2,000 ล้านบาท และได้มาเพิ่มอีก 500 ล้านบาทสำหรับงบปี 2566 จากหลายยุคที่ได้น้อยมาก

2.เรื่องการเกษตร ในส่วนของอ้อยมีระบบการดูแลราคาที่ดี ช่วยชาวไร่อ้อยยังชีพได้ ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นยุคที่ราคาดีที่สุดในประวัติศาสตร์ แตะกิโลกรัม (กก.)ละ 12 บาท มันสำปะหลัง นครราชสีมา หรือโคราช คือเมืองหลวงมันสำปะหลังของไทย ปลูกมากที่สุด 2 ปีที่ผ่านมาราคาดีที่สุดยุคหนึ่ง และดีที่สุดในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาอาจจะขึ้นไปมากกว่านี้ โดยใช้ระบบ “เกษตรพันธสัญญา” ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้มีหลักประกัน เป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เรียกว่า “อมก๋อยโมเดล” ซึ่งทำได้ไวทำได้จริง

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า การลงนามซื้อขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในครั้งนี้ เป็นล็อตใหญ่สุดในประวัติศาสตร์โดย 3 สมาคม ประกอบด้วย นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย กับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ของฟิลิปปินส์ ซื้อมันเส้น 2 ล้านตันส่งมอบภายในหนึ่งปี และปีหน้าจะมาซื้ออีก ทำให้ราคามันฯมีเสถียรภาพมากขึ้น

“ถ้าวันไหนราคาตก จะด้วยเหตุใดก็แล้วแต่เรายังมีนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะเป็นหลักประกันให้พี่น้องเกษตรกร คือ นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งรัฐบาลดำเนินการมา 3 ปีเต็ม ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 4 ปีสุดท้าย ซึ่งกำลังรอการพิจารณาของ ครม.” นายจุรินทร์ กล่าว และว่า

ในเดือนมกราคม 2566 จะจัดประชุมมันสำปะหลังโลกที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าเมืองหลวงของมันสำปะหลังประเทศไทยอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทำตลาดมันสำปะหลังไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 120,000 ล้านบาท ปีนี้คาดจะมากกว่า

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

นักวิจัยกรมวิชาการเกษตร เฉียบค้นพบเครื่องหมายโมเลกุลใหม่ ร่นระยะเวลาปรับปรุงพันธุ์มันสำปะหลัง ต้านทานโรค

นักวิจัยกรมวิชาการเกษตร เฉียบค้นพบเครื่องหมายโมเลกุลใหม่ ร่นระยะเวลาปรับปรุงพันธุ์มันสำปะหลัง ต้านทานโรค

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคนิคด้านเทคโนโลยีชีวภาพเข้ามามีบทบาทด้านการเกษตรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในงานปรับปรุงพันธุ์พืชให้มีลักษณะที่ดีตรงตามความต้องการ เช่น เทคโนโลยีเครื่องหมายโมเลกุลมีประโยชน์ในการศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมและการจำแนกพันธุ์ รวมทั้งบางเครื่องหมายโมเลกุลยังมีความสัมพันธ์กับลักษณะทางการเกษตร เช่น ผลผลิตสูง ไซยาไนด์ต่ำ และความต้านทานโรค ซึ่งการนำเครื่องหมายโมเลกุลที่สัมพันธ์กับลักษณะทางการเกษตรเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องมือในการคัดเลือกพันธุ์เพื่อการปรับปรุงพันธุ์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับปรุงพันธุ์ได้

จากปัญหาการลดลงของผลผลิตมันสำปะหลังมีสาเหตุสำคัญมาจากโรคพืช เช่น โรคใบด่างมันสำปะหลัง และโรครากปม คณะนักวิจัยจากสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร จึงได้วิจัยพัฒนาเครื่องหมายโมเลกุลที่สัมพันธ์กับลักษณะปริมาณไซยาไนด์ต่ำ ความต้านทานโรครากปมและโรคใบด่างมันสำปะหลัง และนำมาใช้ในคัดเลือกพันธุ์มันสำปะหลัง ผลการวิจัยพัฒนาได้เครื่องหมายโมเลกุลชนิดสนิปส์ จำนวน 3 เครื่องหมาย เพื่อใช้คัดเลือกพันธุ์มันสำปะหลังที่มีความต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง ไซยาไนด์ต่ำ และต้านทานโรครากปม ซึ่งมันสำปะหลังที่เป็นโรครากปมจะไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ ที่จะทำให้ทราบว่ามันสำปะหลังถูกไส้เดือนฝอยทำลาย ดังนั้นเกษตรกรจึงไม่ทราบว่าผลผลิตหัวมันสำปะหลังมีปริมาณและคุณภาพเป็นอย่างไร หลังจากที่ต้องใช้เวลาในการปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวนาน 10-12 เดือน

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า เครื่องหมายโมเลกุลชนิดสนิปส์ มีประโยชน์ในการจำแนกพันธุ์และคัดเลือกพันธุ์พืชที่มีลักษณะที่ต้องการ โดยหากเครื่องหมายสนิปส์มีตำแหน่งใกล้กับยีนควบคุมลักษณะมากเท่าใด ความแม่นยำในการคัดเลือกพันธุ์พืชยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ซึ่งผลการคัดเลือกพันธุ์มันสำปะหลังจำนวน 250 พันธุ์โดยใช้เครื่องหมายสนิปส์ทั้ง 3 ลักษณะ สามารถคัดเลือกได้กลุ่มพันธุ์ที่มีแนวโน้มต้านทานโรคใบด่างและไซยาไนด์ต่ำ จำนวน 9 พันธุ์ และกลุ่มพันธุ์ที่มีแนวโน้มต้านทานทั้งโรคใบด่างและโรครากปม จำนวน 4 พันธุ์ ซึ่งผลการทดสอบความถูกต้องของเครื่องหมายโมเลกุลในการคัดเลือกพันธุ์พบว่าทั้ง 3 เครื่องหมายที่พัฒนาขึ้นมีความถูกต้องมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงในการคัดเลือกพันธุ์ โดยนักปรับปรุงพันธุ์สามารถนำเครื่องหมายสนิปส์ทั้ง 3 ชุดไพรเมอร์ไปใช้ในการคัดเลือกพันธุ์มันสำปะหลังเพื่อพัฒนาพันธุ์ดีให้แก่เกษตรกรได้ เนื่องจากสามารถเลือกเฉพาะต้นที่มีแถบดีเอ็นเอที่มีลักษณะที่ต้องการไว้ เป็นการเพิ่มความแม่นยำในการคัดเลือกลักษณะทางการเกษตรที่ต้องการ

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า “การคัดเลือกพันธุ์พืชด้วยเครื่องหมายโมเลกุลมีประโยชน์ต่อการปรับปรุงพันธุ์อย่างมาก เนื่องจากช่วยลดจำนวนพืชที่จะปลูกเพื่อคัดเลือก ระยะเวลาในการปรับปรุงพันธุ์ ทำให้สามารถลดพื้นที่ปลูก แรงงาน และค่าใช้จ่าย ได้ถึง 10 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับการคัดเลือกแบบเดิมที่ใช้ลักษณะปรากฏ อีกทั้งสามารถตรวจคัดเลือกได้หลายลักษณะพร้อมกัน รวมทั้งเครื่องหมายสนิปส์ด้วยเทคนิค Tetra-Primer ARMS-PCR นี้ มีความสะดวก ใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องใช้บุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน และยังมีต้นทุนการตรวจสอบเพียง 10 บาทต่อการตรวจสอบสนิปส์ 1 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับเทคนิคอื่นๆ หน่วยงานต่างๆ สามารถนำเครื่องหมายสนิปส์ทั้ง 3 ชุดไพรเมอร์ไปใช้คัดเลือกพันธุ์ได้ทันที ทั้งนี้เครื่องหมายสนิปส์ลักษณะความต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลังสามารถนำไปใช้ต่อยอดในงานวิจัยการใช้เครื่องหมายโมเลกุลในการคัดเลือกลักษณะต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลังซึ่งดำเนินการในปี 2565 – 2567 ได้

“ได้ขอจดอนุสิทธิบัตรเครื่องหมาย สนิปส์ของลักษณะปริมาณไซยาไนด์ต่ำในนามของกรมวิชาการเกษตรเรียบร้อยแล้ว หน่วยงานใดหรือผู้ที่สนใจนำเครื่องหมายสนิปส์ทั้ง 3 ชุดไพรเมอร์ไปใช้คัดเลือกพันธุ์สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร โทร. 0-2904-6885” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

ที่มา : www.RYT9.COM

จุรินทร์ ยกระดับไบโอพลาสติกจากมันสำปะหลัง หนุนส่งออก 1,000 ล้านในปี’67

จุรินทร์ ยกระดับไบโอพลาสติกจากมันสำปะหลัง หนุนส่งออก 1,000 ล้านในปี’67

“จุรินทร์” ยกระดับ “ไบโอพลาสติก” ที่ทำจากมันสำปะหลัง หนุนส่งออกเป็นสินค้าสำเร็จรูป ทั้งถุงพลาสติก หลอด จาน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ตั้งเป้าทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทในปี’67 แจ้งข่าวดี ฟิลิปปินส์เตรียมซื้อมันสำปะหลัง 3-4 ล้านตัน

วันที่ 15 กันยายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กิจกรรม “ส่งเสริมและยกระดับการพัฒนาสินค้าพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) จากมันสำปะหลัง และสินค้าแปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลัง” กับ 11 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ว่าการ MOU ครั้งนี้จะช่วยผลักดันและสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าสินค้ามันสำปะหลัง และเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนอนาคตสินค้าพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) และสินค้าแปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลังของไทยได้

นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจเพื่อขยายโอกาสทางการค้า เชื่อว่างานนี้จะช่วยส่งเสริมการตลาดแปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลังจากหิ้งสู่ห้าง โดยตั้งเป้าหมายที่สินค้าพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) จากมันสำปะหลัง เป็นสินค้านำร่องในระยะแรกก่อน โดยได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลังไปยังต่างประเทศมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ในปี 2567 และยังสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ภายใต้หลักการ “ตลาดนำการผลิต”

โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นผู้นำด้านการผลิต การตลาด และการแก้ไขปัญญาเกี่ยวกับมันสำปะหลัง ที่มุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับสินค้าเกษตรจากมันสำปะหลัง ให้เป็นสินค้าคุณภาพดี มีมาตรฐานสากล ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค

ทั้งนี้ ผลการจัดกิจกรรมในวันนี้จะช่วยผลักดันให้การส่งออกมันสำปะหลังปี 2565 ทั้งปี เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2564 คิดเป็นปริมาณรวม 11 ล้านตัน มูลค่า 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (130,000 ล้านบาท) รวมทั้งสินค้า Bioplastic จากมันสำปะหลังที่ได้รับการพัฒนาด้านนวัตกรรมก็จะนำไปแสดงผลงานเพื่อส่งเสริมตลาดในงาน World Tapioca Conference 2023 ในเดือนมกราคมปีหน้านี้อีกด้วย

หวังว่าอนาคตจะสามารถส่งออกไบโอพลาสติกจากมันสำปะหลังให้ได้ 1,000 ล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งอินเดียจะเป็นตลาดใหญ่ เพราะมีนโยบาย “plastic ban” จะไม่ใช้ถุงพลาสติกจากปิโตรเคมี จะหันมาใช้ถุงจากไบโอพลาสติก

ปัจจุบันราคามันสำปะหลังดีขึ้นมาก ในอดีตกิโลกรัมละ 1 บาทกว่า วันนี้กิโลกรัมละ 3 บาทกว่าแล้ว เกินรายได้ที่มีการประกันราคาไว้ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ผลผลิตในประเทศเมื่อเทียบกับความต้องการใช้ยังไม่พอ โดยผลผลิตในประเทศปีละประมาณ 35 ล้านตัน แต่ความต้องการใช้ 42 ล้านตัน ยังขาด 6-7 ล้านตันในภาพรวม แต่ช่วงที่มันสำปะหลังออกเยอะราคาก็ตก การเตรียมการด้านการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จะช่วยให้ราคามันสำหรับเกษตรกรในประเทศมีเสถียรภาพและมีความยั่งยืน

สำหรับนโยบายที่ตนมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเกษตรกรในช่วงที่ผ่านมาคือ ขยายตลาดโดยเฉพาะในต่างประเทศ ไม่ว่าจะในรูปมันเส้น แป้งมัน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ รวมทั้งการขยายตลาดใหม่ ซึ่งสำเร็จในหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็นตุรกี นิวซีแลนด์ อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย หรือฟิลิปปินส์ เพื่อทดแทนตลาดจีนที่เป็นตลาดใหญ่แต่ไม่มีเสถียรภาพ

ล่าสุด ประเทศฟิลิปปินส์กำลังเดินทางมาเจรจารอบสุดท้าย ซื้อมันสำปะหลังประมาณ 3-4 ล้านตัน จะเป็นการช่วยยกระดับราคาในประเทศให้สูงขึ้น

สำหรับเดือนมกราคม 2566 ตนจะไปประชุมที่นครราชสีมา เพราะเป็นเมืองหลวงของมันสำปะหลังของประเทศ เรามีกำหนดการจัดงาน World Tapioca Conference 2023 ในเดือนมกราคมปีหน้า จะเป็นอีกงานที่ส่งเสริมภาพลักษณ์มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง โดยในปี 65 นี้ ตั้งเป้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทุกรูปแบบ มูลค่า 130,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%

และสำหรับไบโอพลาสติก เป็นอีกนโยบายที่เราต้องช่วยกันปรับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังนอกจากแบบดั้งเดิม ผลิตภัณฑ์จากไบโอพลาสติกจะเป็นอีกช่องทางนำเงินเข้าประเทศ ปัจจุบันเราเน้นการส่งออกมันสำปะหลัง และส่งออกไบโอพลาสติกเม็ด เพื่อไปผลิตผลิตภัณฑ์ต่อ คือผลิตภัณฑ์ขั้นต้นและขั้นกลาง ต่อไปนี้เราจะเน้นผลิตภัณฑ์ขั้นปลายมากขึ้น แทนที่จะส่งแบบเม็ดก็จะส่งเป็นถุงพลาสติก หลอดดูด จาน สินค้าต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบจากไบโอพลาสติก ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้การวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม

ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมสินค้าพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) และสินค้าแปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลังแบบครบวงจร ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มเกษตรกรทั้ง 11 หน่วยงาน

ประกอบด้วย
(1) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
(2) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.)
(3) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
(4) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
(5) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
(6) สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย
(7) สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย
(8) สมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย
(9) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จํากัด
(10) บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด และ
(11) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จํากัด (มหาชน)

ที่มา : ประชาติธุรกิจ

Recent Posts