ปั๊มออเดอร์ทำเงิน 6.3 หมื่นล. จับคู่เจรจาซื้อขายข้าว-มันสำปะหลัง

พาณิชย์ เปิดเวทีจับคู่เจรจาซื้อขายข้าว-มันสำปะหลัง ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้นำเข้าต่างประเทศ คาดเกิดคำสั่งซื้อรวมกว่า 6.3 หมื่นล้านบาท เร่งระบายสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดโลก ช่วยผลักดันราคาในประเทศให้สูงขึ้น

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการเจรจาธุรกิจสินค้าข้าวหอมมะลิ ผลิตภัณฑ์จากข้าวและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังระหว่างผู้นำเข้าต่างประเทศและผู้ประกอบการไทยว่ามีผู้ซื้อผู้นำเข้าเกือบ 300 ราย จาก 41 ประเทศทั่วโลก อาทิ ฮ่องกง จีน ประเทศในอาเซียน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอเมริกา อิหร่าน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย บังกลาเทศ และอียิปต์ และมีผู้ประกอบการไทยกว่า 110 ราย เข้าร่วมการเจรจาจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะช่วยเร่งระบายสินค้าเกษตรของไทยที่จะออกสู่ตลาดในปริมาณมากช่วงปลายปี และที่สำคัญจะช่วยผลักดันราคาในประเทศให้สูงขึ้นได้

โดยโครงการจับคู่ธุรกิจครั้งนี้จัดขึ้นตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งผลักดันการค้าระหว่างประเทศของไทย ในการขยายลู่ทางการส่งออกสินค้าข้าวและมันสำปะหลังสู่ตลาดโลกให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกเชิญผู้ซื้อตัวจริง ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิไทย ผลิตภัณฑ์ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากตลาดที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูงเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจและคาดว่าจะก่อให้เกิดคำสั่งซื้อปริมาณมากที่มีมูลค่ารวมสูงถึงกว่า 6.3 หมื่นล้านบาท หรือกว่า 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นมูลค่าการสั่งซื้อข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว ประมาณ 28,200 ล้านบาท หรือประมาณ 806 ล้านเหรียญสหรัฐและมูลค่าการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอีกประมาณ 35,180 ล้านบาท หรือประมาณ 1,005 ล้านเหรียญสหรัฐ

“การเจรจาธุรกิจช่วยให้การส่งมอบสินค้าข้าว มันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เพื่อใช้ในเทศกาลตรุษจีนในเดือนมกราคม ทำให้การส่งออกข้าวไทยในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 9.5 ล้านตัน ซึ่งจะช่วยยกระดับราคาข้าวในประเทศปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีกับเกษตรกร”

นางอภิรดีกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ได้มีการลงนามความตกลง MOU ถึง 5 ฉบับ ประกอบด้วยการลงนาม MOU สั่งซื้อสินค้าข้าวจำนวน 4 ฉบับ และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจำนวน 1 ฉบับ โดยการลงนามสั่งซื้อสินค้าข้าว เป็นการสั่งซื้อสินค้ารายการใหม่ของผู้นำเข้ารายใหม่จากฮ่องกง ได้แก่ การลงนามสั่งซื้อข้าวหอมมะลิ ระหว่างบริษัท ซีอีซี อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีสาขาในฮ่องกงกว่า 250 แห่ง กับบริษัท สยามไดมอนด์ เอ็กซปอร์ต ไรซ์ จำกัด โดยจะลงนามสั่งซื้อข้าวหอมมะลิจำนวน 10,000 ตัน

ฉบับที่สอง เป็นการลงนามสั่งซื้อข้าวกาบาระหว่างบริษัท กุย ฟัท หยุน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิรายสำคัญของฮ่องกงมากว่า 60 ปี กับบริษัท บางซื่อเจียเม้ง ไรซ์มิลส์ จำกัด โดยจะสั่งซื้อข้าวกาบาจากไทยจำนวน 100 ตัน เพื่อขยายตลาดลูกค้ากลุ่มรักสุขภาพ

ฉบับที่สาม เป็นการลงนามสั่งซื้อข้าวไรซ์เบอร์รี่ และผลิตภัณฑ์เส้นก๋วยเตี๋ยวรวม 600 ตัน ระหว่างบริษัท ดา ชอง ฮอง ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียวรายใหญ่อันดับ 2 ของฮ่องกง กับบริษัท ไรซ์แลนด์ ฟู้ดส์ จำกัด เพื่อนำเข้าข้าวไรซ์เบอร์รี่เข้าไปจำหน่ายยังซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารในฮ่องกงเพิ่มมากขึ้น

ฉบับที่สี่ เป็นการลงนามสั่งซื้อข้าวไรซ์เบอร์รี่ จำนวน 400 ตัน ระหว่างบริษัท ควอง ซัน ฮอง กับบริษัท ไทยสแตนดาร์ดไร้ส์ จำกัด โดยบริษัท ควอง ซัน ฮอง เป็นผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิไทยเพื่อเจาะตลาดระดับบนมากว่า 50 ปี และสนใจสั่งซื้อข้าวไรซ์เบอร์รี่เพิ่มขึ้นเพื่อเจาะตลาดกลุ่มนี้

ส่วนฉบับสุดท้าย เป็นการลงนามระหว่างบริษัท ฟู ไหล ชุน กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้นำเข้ามันสำปะหลังเส้นรายใหญ่ และเป็นผู้ผลิตเอทิลแอลกอฮอล์ หรือเอทานอลของจีน กับบริษัท พีอาร์ อินเตอร์เทรด จำกัด เพื่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง โดยจะลงนามสั่งซื้อมันสำปะหลังเส้นเป็นจำนวนถึง 8 แสนตัน มูลค่าประมาณ 156 ล้านเหรียญสหรัฐ

พร้อมกันนี้ผู้นำเข้าจากต่างประเทศจะได้เยี่ยมชมบริษัท ธนสรรค์ไรซ์ จำกัด จังหวัดชัยนาท บริษัท ไทยควอลิตี้สตาร์ช จำกัด และลานมันชัยเรืองกิจ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสร้างความมั่นใจคุณภาพมาตรฐานข้าวและมันสำปะหลังไทยด้วย นอกจากการจัดงานครั้งนี้แล้วกระทรวงพาณิชย์จะจัดเจรจาขายสินค้าข้าวไทยอีกครั้งวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2560

สำหรับยอดส่งออกข้าวในปี 2559 ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน มีปริมาณ 6.85 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 3,085 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.4% ตลาดหลักได้แก่ เบนิน จีน สหรัฐอเมริกา โกตดิวัวร์ และแอฟริกาใต้ ในขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีปริมาณ 8.12 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,171 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 20%ตลาดหลักได้แก่ จีน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน และมาเลเซีย

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า