มหาดไทยเต้น! สั่ง 50 ผู้ว่าฯ เคลียร์ปม “มันสำปะหลัง-ข้าวโพด” ราคาตก

มหาดไทยเต้น! สั่ง 50 ผู้ว่าฯ เคลียร์ปม “มันสำปะหลัง-ข้าวโพด” ราคาตกต่ำไม่หยุด เผยปลายปีที่แล้วกระทรวงพาณิชย์ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงการดำเนินการแก้ปัญหาข้าวโพดและมันสำปะหลังราคาตกต่ำถึงผู้ว่าฯ 7 จังหวัด นครราชสีมา-สระแก้ว-เชียงราย-ลพบุรี-อุทัยธานี-เพชรบูรณ์-ลำปางมาแล้ว ก่อนสั่งให้เร่งชี้แจงเพิ่มอีก 43 จังหวัด

วันนี้ (17 ม.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมาหาดไทยว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ มท 0310.7 ว 0163 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 50 จังหวัด ในพื้นที่ปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลัง ให้เร่งชี้แจงเกษตรกรที่เข้าร้องเรียนกับทางจังหวัดในกรณีข้าวโพดและมันสำปะหลังราคาตกต่ำ ภายหลังพบว่ามีเกษตรกรจำนวนมากกว่า 50 จังหวัดได้รับความเดือดร้อน

ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งหนังสือเพื่อร่วมชี้แจงข้อมูลสถานการณ์ มาตรการและแนวทาการดำเนินการแก้ไขปัญหาภาคผลิตทางการเกษตรทั้งสองชนิด โดยเฉพาะให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี 30 ส.ค. 2559 และ 4 ต.ค. 2559 ที่อนุมัติแนวทางการบริหารจัดการสันสำปะหลัง ปี 2559/60 จำนวน 6 โครงการ วงเงินชดเชยรวมทั้งสิ้น 1,767.725 ล้านบาท และมติคณะรัฐมนตรี 8 พ.ย. 2559 ที่เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการนำเข้าวัตถุดิบอื่นทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งมาตรการต่างๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ โดยให้ทางจังหวัดชี้แจงให้เกษตรกรรับทราบให้เร็วที่สุด

มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2559 กระทรวงพาณิชย์ได้ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ชี้แจงการดำเนินการแก้ปัญหาข้าวโพดและมันสำปะหลังราคาตกต่ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดแล้ว ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา จ.สระแก้ว จ.เชียงราย จ.ลพบุรี จ.อุทัยธานี จ.เพชรบูรณ์ และ จ.ลำปางมาแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมด้วยตัวแทนเกษตรกรชาวไร่ข้าวโพด ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาสอบสวนกรณีรัฐลดภาษีการนำเข้าข้าวสาลี 27 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ สร้างความเสียหายแก่ผู้ปลูกข้าวโพด ข้าว และมันสำปะหลัง และเชื่อว่านำเข้าข้าวสาลีจากต่างประเทศที่ราคาถูกกว่าข้าวโพดมาใช้แทนในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการนำเข้าข้าวสาลีและทำให้ราคาข้าวสาลีถูกลงไปอีก โดยผลที่ตามมาทำให้มีข้าวโพดมากถึง 2,900,000 ตันในปีที่แล้ว และจะมากกว่า 3,500,000 ตันในปีนี้ ราคาที่เกษตรกรเคยขายได้ที่ 9-10 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงเหลือเพียง 3 บาท โดยร้องเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่ากระทำขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542

ขณะที่นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลี 1 ต่อ ข้าวโพด 3 ส่วน เหมาะสมและถือเป็นยาแรงแล้ว เชื่อว่าการนำเข้าข้าวสาลีจะชะลอลง และเอกชนต้องซื้อข้าวโพดมากขึ้นในราคากิโลกรัมละ 8 บาท ดีกว่าข้อเสนอระงับการนำเข้าข้าวสาลี ซึ่งทั้งผิดกฎขององค์การการค้าโลก(ดับบลิวทีโอ) และเกษตรกรไม่ได้ประโยชน์

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ยังไม่พบปัญหาการปฏิเสธรับซื้อผลผลิต ซึ่งกรมการค้าภายในสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอด

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จำนวนมากค้างอยู่ในโรงรับซื้อของพ่อค้าท้องถิ่น โดยบางแห่งยังไม่สามารถขายให้กับพ่อค้าคนกลางในจังหวัดได้ เนื่องจากราคาข้าวโพดตกลงจาก 9 บาท 50 สตางค์ เหลือเพียง 7 บาท 50 สตางค์ ในเวลานี้ โดยหากตกลงขายหมายความว่า เกษตรกรจะต้องแบกรับภาระขาดทุน

มีรายงานว่า เกษตรกรหลายจังหวัดเคยรวมกลุ่มยื่นเรื่องต่อรัฐบาลแล้ว และกระทรวงพาณิชย์ ได้ยืนยันว่า ได้ประสานงานไปยังบริษัทผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้รับซื้อในราคา 8 บาท และเริ่มดำเนินการแล้ว แต่ข้อเท็จจริงในการรับซื้อราคานี้ จำกัดอยู่เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่บริษัทรับซื้อต่อจากพ่อค้าคนกลาง ไม่ใช่ราคาที่เกษตรกรได้โดยตร

ที่มา : ผูัจัดการออนไลน์