พาณิชย์ดึงผู้นำเข้าจากทั่วโลกเยือนไทย เจรจาค้าข้าว-มันสำปะหลัง

พาณิชย์เชิญผู้นำเข้ารายสำคัญกว่า 290 ราย จากทั่วโลกมาเยือนไทย จับคู่เปิดเวทีเจรจาการค้าข้าว-มันสำปะหลัง เร่งระบายสินค้าเกษตร ผลักดันราคาให้สูงขึ้น ชี้รายใหญ่จากจีนมั่นใจคุณภาพสินค้าของไทยวางแผนจับมือทำการค้าระยะยาว

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่ากรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศเตรียมจัดกิจกรรมเจรจาการค้าสินค้าข้าวและมันสำปะหลัง ระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2559 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยมีผู้ซื้อ ผู้นำเข้ารายสำคัญจากทั่วโลกตอบรับเข้าร่วมงานแล้วกว่า 290 ราย จาก 29 ประเทศ ขณะที่ผู้ประกอบการไทยตอบรับกว่า 110 ราย

“กระทรวงพาณิชย์เชิญผู้ซื้อผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิไทย ผลิตภัณฑ์ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากตลาดที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูงจากต่างประเทศอาทิ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกาออสเตรเลีย และแคนาดา เข้าร่วมเจรจาการค้าครั้งนี้กว่า 290 ราย คาดว่าจะก่อให้เกิดคำสั่งซื้อปริมาณมากช่วยเร่งระบายสินค้าเกษตรของไทยโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยฤดูกาลผลิตใหม่ที่จะออกสู่ตลาดในปริมาณมากช่วงปลายปีและที่สำคัญจะช่วยผลักดันราคาในประเทศให้สูงขึ้นได้” รมว.พาณิชย์กล่าว

นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวว่าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีนนำคณะผู้ซื้อผู้นำเข้าสินค้าข้าวและมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศจีนรวม 6 บริษัทเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการเจรจาการค้าครั้งนี้ ในจำนวนนี้มีบริษัท หูหนาน ชื่อชาน ไรซ์ แอนด์ออยล์ เทรดดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่จากมณฑลหูหนาน มณฑลศูนย์กลางค้าข้าวที่ใหญ่ที่สุดทางภาคกลางของจีน ร่วมคณะด้วย ซึ่งบริษัทดังกล่าวทำการค้าข้าวกับประเทศไทยประมาณ 8,000 ตัน/ปีสินค้าของบริษัท ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวหอมนิล ข้าวกล้อง และข้าวปทุม เป็นต้น

“บริษัท หูหนาน ชื่อชาน ไรซ์ แอนด์ ออยล์ ทรีดดิ้งส์ ได้จัดให้ข้าวหอมมะลิจากไทยเป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ เนื่องจากข้าวหอมมะลิไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีและได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนอย่างมาก แม้จะมีราคาสูงกว่าข้าวทั่วไป นอกจากนี้ บริษัทมีลูกค้าเป็นโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ภัตตาคาร และผู้บริโภคที่มีรายได้สูง การเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้คาดว่าจะสั่งซื้อข้าวประมาณ 3,000 ตัน” นางมาลีกล่าว

ด้านผู้นำเข้ามันสำปะหลังรายใหญ่จาก สคต. หนานหนิง ได้แก่ บริษัท กว่างซี สเตท ฟาร์มส หมิงหยางไบโอเคมิคอล กรุ๊ป ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจรายใหญ่ของจีน โดยบริษัทอยู่ระหว่างขยายการผลิตและวางแผนจะนำเข้ามันสำปะหลังจากไทย 200,000 ตัน
และแป้งมันสำปะหลัง 300,000 ตัน/ปี เพื่อใช้ผลิตเอททิลแอลกอฮอล์จำหน่ายให้แก่บริษัทต่างๆ ในจีนอาทิ โรงงานกระดาษ โรงงานผลิตอาหารและยา เป็นต้น

ที่ผ่านมาบริษัท กว่างซี สเตท ฟาร์มส หมิงหยางไบโอเคมิคอล กรุ๊ป เลือกซื้อมันสำปะหลังจากไทย เนื่องจากมีคุณภาพดี ไม่ปนเปื้อนทราย ส่งมอบตรงต่อเวลา และไม่ผิดเงื่อนไข การเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาการค้าครั้งนี้ คาดว่าจะสั่งซื้อมันสำปะหลังเส้น 80,000 ตัน และแป้งมันสำปะหลัง 100,000 ตันอีกทั้งบริษัทยังมุ่งหวังให้เกิดการค้ากับผู้ประกอบการไทยระยะยาวอีกด้วย

นางดวงพร รอดพยาธิ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึงราคาข้าวที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาธัญพืชทุกประเภทเนื่องจากทุกประเทศที่ผลิตมีผลผลิตออกดี ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ได้กระเตื้องขึ้น ภาวะการเงินฝืดกำลังซื้อลดลง ความไม่สงบในหลายที่ โดยซัพพลายเพิ่มดีมานด์ก็เพิ่มแต่กำลังซื้อน้อย เป็นหลักเศรษฐศาสตร์ การที่ราคาข้าวลดลงเป็นปัจจัยทางการตลาดจริงๆไม่ได้มีใครไปกดราคา

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคม-2 พฤศจิกายน 2559 ไทยส่งออกข้าวไปแล้ว 8.4 ล้านตัน ทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายการส่งออกข้าว 9.5 ล้านตัน ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดข้าวไทยที่เคยสูญเสียไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ก็กลับมาดีขึ้น

อีกทั้งในขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศได้กำลังเร่งดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายปรับโครงสร้างการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบของรัฐบาล ภายใต้โครงการ “อัตลักษณ์ข้าวไทย ทางเลือกใหม่สู่ความยั่งยืน” ด้วยการพัฒนาและเชื่อมโยง 3 เว็บไซต์ภายใต้การดำเนินงานของกรม ได้แก่ www.thairiceforlife.com, www.thairiceinfo.go.th, www.dft.go.th ให้มีประสิทธิภาพและประโยชน์ในการใช้งานสูงสุด สามารถเชื่อมโยงสู่กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน มุ่งยกระดับการสื่อสารการตลาด ขยายช่องทางออนไลน์ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยสู่วงกว้างทั้งในและต่างประเทศ โดยเริ่มขับเคลื่อนพร้อมกันในปีงบประมาณ 60 นี้

นางดวงพรย้ำว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกข้าวที่สำคัญของโลก สายพันธุ์ข้าวไทยมีคุณภาพ มีความหลากหลาย มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นเฉพาะตัว จึงสมควรมุ่งเน้นการผลิตข้าวคุณภาพเชิงมูลค่าและมีความหลากหลายมากกว่าการเพาะปลูกข้าวชนิดเดิมๆ ในปริมาณมากๆ จนล้นตลาด

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า