“จุรินทร์” ยกระดับ “ไบโอพลาสติก” ที่ทำจากมันสำปะหลัง หนุนส่งออกเป็นสินค้าสำเร็จรูป ทั้งถุงพลาสติก หลอด จาน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ตั้งเป้าทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทในปี’67 แจ้งข่าวดี ฟิลิปปินส์เตรียมซื้อมันสำปะหลัง 3-4 ล้านตัน
วันที่ 15 กันยายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กิจกรรม “ส่งเสริมและยกระดับการพัฒนาสินค้าพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) จากมันสำปะหลัง และสินค้าแปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลัง” กับ 11 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ว่าการ MOU ครั้งนี้จะช่วยผลักดันและสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าสินค้ามันสำปะหลัง และเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนอนาคตสินค้าพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) และสินค้าแปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลังของไทยได้
นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจเพื่อขยายโอกาสทางการค้า เชื่อว่างานนี้จะช่วยส่งเสริมการตลาดแปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลังจากหิ้งสู่ห้าง โดยตั้งเป้าหมายที่สินค้าพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) จากมันสำปะหลัง เป็นสินค้านำร่องในระยะแรกก่อน โดยได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลังไปยังต่างประเทศมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ในปี 2567 และยังสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ภายใต้หลักการ “ตลาดนำการผลิต”
โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นผู้นำด้านการผลิต การตลาด และการแก้ไขปัญญาเกี่ยวกับมันสำปะหลัง ที่มุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับสินค้าเกษตรจากมันสำปะหลัง ให้เป็นสินค้าคุณภาพดี มีมาตรฐานสากล ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ผลการจัดกิจกรรมในวันนี้จะช่วยผลักดันให้การส่งออกมันสำปะหลังปี 2565 ทั้งปี เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2564 คิดเป็นปริมาณรวม 11 ล้านตัน มูลค่า 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (130,000 ล้านบาท) รวมทั้งสินค้า Bioplastic จากมันสำปะหลังที่ได้รับการพัฒนาด้านนวัตกรรมก็จะนำไปแสดงผลงานเพื่อส่งเสริมตลาดในงาน World Tapioca Conference 2023 ในเดือนมกราคมปีหน้านี้อีกด้วย
หวังว่าอนาคตจะสามารถส่งออกไบโอพลาสติกจากมันสำปะหลังให้ได้ 1,000 ล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งอินเดียจะเป็นตลาดใหญ่ เพราะมีนโยบาย “plastic ban” จะไม่ใช้ถุงพลาสติกจากปิโตรเคมี จะหันมาใช้ถุงจากไบโอพลาสติก
ปัจจุบันราคามันสำปะหลังดีขึ้นมาก ในอดีตกิโลกรัมละ 1 บาทกว่า วันนี้กิโลกรัมละ 3 บาทกว่าแล้ว เกินรายได้ที่มีการประกันราคาไว้ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ผลผลิตในประเทศเมื่อเทียบกับความต้องการใช้ยังไม่พอ โดยผลผลิตในประเทศปีละประมาณ 35 ล้านตัน แต่ความต้องการใช้ 42 ล้านตัน ยังขาด 6-7 ล้านตันในภาพรวม แต่ช่วงที่มันสำปะหลังออกเยอะราคาก็ตก การเตรียมการด้านการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จะช่วยให้ราคามันสำหรับเกษตรกรในประเทศมีเสถียรภาพและมีความยั่งยืน
สำหรับนโยบายที่ตนมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเกษตรกรในช่วงที่ผ่านมาคือ ขยายตลาดโดยเฉพาะในต่างประเทศ ไม่ว่าจะในรูปมันเส้น แป้งมัน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ รวมทั้งการขยายตลาดใหม่ ซึ่งสำเร็จในหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็นตุรกี นิวซีแลนด์ อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย หรือฟิลิปปินส์ เพื่อทดแทนตลาดจีนที่เป็นตลาดใหญ่แต่ไม่มีเสถียรภาพ
ล่าสุด ประเทศฟิลิปปินส์กำลังเดินทางมาเจรจารอบสุดท้าย ซื้อมันสำปะหลังประมาณ 3-4 ล้านตัน จะเป็นการช่วยยกระดับราคาในประเทศให้สูงขึ้น
สำหรับเดือนมกราคม 2566 ตนจะไปประชุมที่นครราชสีมา เพราะเป็นเมืองหลวงของมันสำปะหลังของประเทศ เรามีกำหนดการจัดงาน World Tapioca Conference 2023 ในเดือนมกราคมปีหน้า จะเป็นอีกงานที่ส่งเสริมภาพลักษณ์มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง โดยในปี 65 นี้ ตั้งเป้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทุกรูปแบบ มูลค่า 130,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%
และสำหรับไบโอพลาสติก เป็นอีกนโยบายที่เราต้องช่วยกันปรับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังนอกจากแบบดั้งเดิม ผลิตภัณฑ์จากไบโอพลาสติกจะเป็นอีกช่องทางนำเงินเข้าประเทศ ปัจจุบันเราเน้นการส่งออกมันสำปะหลัง และส่งออกไบโอพลาสติกเม็ด เพื่อไปผลิตผลิตภัณฑ์ต่อ คือผลิตภัณฑ์ขั้นต้นและขั้นกลาง ต่อไปนี้เราจะเน้นผลิตภัณฑ์ขั้นปลายมากขึ้น แทนที่จะส่งแบบเม็ดก็จะส่งเป็นถุงพลาสติก หลอดดูด จาน สินค้าต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบจากไบโอพลาสติก ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้การวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมสินค้าพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) และสินค้าแปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลังแบบครบวงจร ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มเกษตรกรทั้ง 11 หน่วยงาน
ประกอบด้วย
(1) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
(2) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.)
(3) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
(4) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
(5) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
(6) สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย
(7) สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย
(8) สมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย
(9) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จํากัด
(10) บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด และ
(11) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จํากัด (มหาชน)
ที่มา : ประชาติธุรกิจ